Logo Leader Pools
Logo Leader Pools
 

   Leader Pools - Swimming Pool and Spa Phuket

 

ประเภทของสระว่ายน้ำ มี 2 ประเภท ดังนี้

1. Over Flow คือ การนำน้ำในสระไปบำบัดฆ่าเชื้อโรค โดยให้น้ำล้นออกมาขอบสระแล้วผ่านรางรอบ ๆ ของขอบสระไปรวมที่ Surge Tank แล้วใช้ปั๊มน้ำดูดเข้าผ่านเครื่องกรอง (Filter) กลับสู่สระอีกครั้ง

ข้อดี - ทำให้ดูแผ่นน้ำตึงขอบสระสวย
ข้อเสีย - ทำให้เกิดการหมักหมมของเศษสิ่งสกปรกบริเวณรางน้ำของขอบสระ ซึ่งมักจะใช้ Granate Grill ปิดเอาไว้                       - ต้องมี Surge Tank เป็นการเพิ่มความยุ่งยากในการก่อสร้าง

2. Skimmer คือ การนำน้ำในสระไปบำบัด โดยผ่านช่องของ Skimmer Box เข้าปั๊มน้ำและ Filterโดยตรงและส่งกลับมาสระอีกครั้ง

ข้อดี - ทำให้น้ำไหลผ่านระบบด้วยระยะทางสั้นกว่า เพราะไม่ต้องผ่าน Surge Tank เเละไม่เกิดการหมักหมมระหว่างทางเดินของน้ำ
ข้อเสีย - ระดับน้ำจะต่ำกว่าขอบสระว่ายน้ำประมาณ 4 -10 ซม. จะไม่ดูแผ่นน้ำตึงปิดขอบสระเหมือนระบบน้ำล้น

อุปกรณ์ของสระว่ายน้ำ (Swimming Pool Equipment)

1. ปั๊ม (Pump) เพื่อดูดน้ำจากสระ เพื่อนำมาเข้าเครื่องกรอง (Filter Tank) ซึ่งมีหลายราคา

2. เครื่องกรอง (Filter) มีหน้าที่กรองสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง จากน้ำในสระ มีหลายชนิด เช่น
- Cartgridege Filter (เครื่องกรองกระดาษ) จะมีลักษณะเป็นถุงกระดาษ ผ้าหรือโพลีเอสเตอร์ ส่วนใหญ่จะใช้กับบ่อสปาหรือสระน้ำ
- Sand Filter (เครื่องกรองทราย)ซึ่งจะมี Option พิเศษ เช่น High-Rate หรือมีMulti Port Valueเพื่อง่ายในการทำความสะอาดเอง
- Diatomaceous Earth Filter เป็นเครื่องกรองที่ใช้ผงกรองที่ทำจากฟอสซิล ซึ่งนำมาบดให้ละเอียด ทำให้มีการกรองที่ละเอียดดี

3. ระบบการบำบัดฆ่าเชื้อโรคในน้ำ จะมีราคาแตกต่างกันไปตามความสะดวก

ระบบฆ่าเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ (Pool Water Hygiene)

ระบบบำบัดน้ำในสระว่ายน้ำที่ใช้อยู่ปัจจุบันนี้ ประกอบด้วย 3 ระบบ คือ
1.ระบบน้ำเกลือ (Salt Water) เป็นระบบที่ดีที่สุด โดยการใช้น้ำเกลือธรรมชาติ (NaCI = Sodium Chloride) มาผ่านขบวนการ Electrolytic Process ของเครื่อง Salt Chlorinator มาทำการฆ่าเชื้อโรคในน้ำโดยเกิด Sodium Hypochlorite และ Sodium Chloride (NaCl) ซึ่งเป็นเกลือธรรมชาติดั้งเดิม และน้ำเกลือเมื่อใช้ฆ่าเชื้อโรคแล้วจะไม่สูญหายไปไหน จะเติมก็ต่อเมื่อมีการทำ Back Wash คือ ล้างเครื่องกรอง หรือฝนตกจนน้ำล้นออกจากสระว่ายน้ำ ดังนั้นการเติมเกลือจะเติมประมาณปีละ 2-3 ครั้ง และน้ำเกลือจะมีความเข้มข้นเพียง 0.3% เท่านั้นเอง (ประมาณครึ่งหนึ่งของน้ำตาคนเรา)

ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีประชากรที่มีสระว่ายน้ำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้นำด้านอุปกรณ์ Swimming Pool จำนวน 90% ใช้ระบบน้ำเกลือ และ 10% เป็นสระว่ายน้ำรุ่นเก่าใช้ระบบคลอรีน ซึ่งรอการเปลี่ยนเข้าสู่ระบบน้ำเกลือ

ระบบน้ำเกลือ นับเป็นระบบที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และยังเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังได้ดีอีกด้วย (Mild Salt Water Has Therapeutic Benefits) แต่อย่างไรก็แล้วแต่ระบบเกลือก็ยังต้องดูแลค่า PH ความเป็นกรดและความเป็นด่างของน้ำในสระ ซึ่งจะมีความเป็นด่างเพิ่มขึ้นเท่านั้น จะไม่มีความเป็นกรดเพิ่มขึ้น จากผลของการใช้น้ำเกลือผ่าน Electrolytic Process

2NaCl + H2O NaOCl + NaCl+H2+H2O
(ตัวฆ่าเชื้อโรค) (เกลือธรรมชาติ)

2. ระบบคลอรีน เป็นตัวฆ่าเชื้อโรคในน้ำ โดยอาจนำคลอรีนมาฆ่าเชื้อในรูปของ ของเหลว (Liquid Chlorine) หรือเป็นเม็ด (Tabletes) หรืออัดมาเป็นก้อน หรือเป็นผง (Powder) โดยใส่ลงในสระว่ายน้ำด้วยการโรยผงคลอรีน เป็นผงคลอรีนเหลวเทลงในสระ หรือเป็นก้อนคลอรีนใส่ใน Skimmer เพื่อให้ค่อย ๆ ละลายในสระว่ายน้ำ ตัวคลอรีนจะเปลี่ยนเป็นตัวฆ่าเชื้อโรค โดยจะทำงานหรือฆ่าเชื้อโรคได้ก็ต่อเมื่อน้ำในสระมีค่า PH อยู่ระหว่าง 7.2-7.8 ซึ่งถ้าหากน้ำในสระมีค่าความเป็นด่าง ก็ต้องเติมกรดลงไป ค่าความเป็นด่างจะเพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อ ขี้เหงื่อและขี้ไคลของผู้ที่ลงไปเล่นในสระว่ายน้ำ ดังนั้นก่อนลงสระว่ายน้ำ จึงต้องล้างตัวก่อน หรืออาจจะเกิดเศษใบไม้ใบหญ้าที่ลงไปในสระว่ายน้ำ้

ข้อควรระวัง คลอรีนเป็นสารที่อันตรายต่อร่างกายที่ต้องระวังในการดูแล เพราะเป็นสารเคมี ซึ่งอาจจะทำอันตรายต่อร่างกายและผิวหนัง
ได้ เมื่อได้กลิ่นจะรู้สึกแสบจมูก ถ้าเข้าตาต้องรีบล้างออกหรือพบแพทย์ แต่ถ้าว่ายน้ำนานๆจะทำให้เส้นผมแห้งกรอบและผิวแห้งกร้านได้ คลอรีนต้องเติมทุกวัน เพราะคลอรีนจะใช้ในการย่อยเศษผงใบไม้หรือขี้ไคลสิ่งสกปรกจากร่างกาย และจะถูกทำลายโดยรังสี UV (Ultra Violet) ในแสงแดด และความร้อน ดังนั้นจึงนิยมใส่คลอรีนตอนกลางคืน หลังจากไม่มีคนเล่นน้ำแล้วเพื่อป้องกันการสิ้นเปลืองของคลอรีน

3. ระบบ Ozone Treatment โดยการผลิตก๊าซโอโซน (Ozone Gas) จากเครื่องอัดอากาศ (O2)ในอากาศให้กลายเป็นก๊าซ
โอโซน และสัมผัส (Contact) กับน้ำโดยตรง เพื่อใช้ในการฆ่าเชื้อโรค ซึ่งเป็นตัวฆ่าเชื้อโรคที่มีศักยภาพสูงมาก โอโซนจะไม่มีสารตกค้าง แต่เมื่อน้ำผ่านโอโซนถูกฆ่าเชื้อโรคเรียบร้อยแล้ว น้ำที่สะอาดจะลงสู่สระว่ายน้ำ และในขณะที่น้ำอยู่ในสระประมาณ 3-6 ชั่วโมงนั้น ไม่มีอะไรไปฆ่าเชื้อโรค จนกว่าน้ำกลับมาผ่านโอโซนอีกครั้ง ดังนั้น เมื่อมีคนนำเชื้อโรคลงในสระว่ายน้ำ ไม่ว่าเชื้อโรคอะไรเชื้อนั้นจะอยู่ในสระปนกับน้ำ ทำให้เกิดโรคติดต่อแก่ผู้เล่นน้ำในสระเดียวกันได้ ซึ่งเชื้อโรคนั้นจะต้องผ่านเครื่องฉีดโอโซนอีกครั้ง เชื้อโรคจึงจะถูกทำลาย ซึ่งบางประเทศจึงมีกฎหมายสำหรับสระว่ายน้ำสาธารณะ (Public Swimming Pool) ห้ามใช้ระบบโอโซนอย่างเดียว ต้องใช้ควบคู่กับระบบอื่น (เช่น ใช้คลอรีนหรือน้ำเกลือ) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ


 
 
 
 
 
 
 
 
Contact us - Leader Pools

 

 

 

 

 

 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ลีดเดอร์ พูลส์ 7/26 หมู่.2 ถ.วิชิตสงคราม ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต 83120
                                       Powered by
 ภูเก็ต - ประเทศไทย Tel / Fax : 076 202656 Email: leaderpools@hotmail.com
                 www.phuketwebport.com